" It my aimyjc blogger > UP to ME< " [-aimyjc = aim -yunho -yuchun -jaejoong -junsu -changmin-] i am tahi fan ha ha
[คำเตือน : บล๊อคนี้ลำเอียงแจจุงนะค่ะ ha ha ha ] .. แอ๊ดมาคุยได้เม๊าท์ได้นะค่ะ
Monday, February 21, 2011
[Pic & Trans] สัมภาษณ์แจจุงจากนิตยสาร ELLE Korea
Perfect Day
ถึงแม้ว่างานจะจบลงไปอย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับที่เคยเป็นมาตลอด แต่ผู้ชายคนนี้ไม่สามารถอยู่ในความสงบได้อย่างง่ายดาย ชีวิตประจำวันของชายผู้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปเมื่อมองผ่านไป ครั้งแรกนั้นเงียบงันเช่นเดียวกับดวงตาของเขาที่แห้งผาก เรื่องที่ 4 ของภาพยนตร์เงียบที่แจจุงร่วมแสดง
เรื่องราวชีวิตของนักฆ่าผู้สุขุมนุ่มลึก
เบื้องหลังการถ่ายทำและเรื่องราวเจาะลึกเบื้องลึกเบื้องหลัง
มือสังหารผู้สุขุมนุ่มลึก J ณ JCDong
(T/N สถานที่หนึ่งในเกาหลี)
อาจจะข้ามเส้นแบ่งครึ่งโลกไปง่ายๆ เพื่อทำงานที่มีแต่กลิ่นเหงื่อไคล
(ผู้แปลไทย- งานที่ยากลำบาก)
หรือสาดกระสุนมากมายอย่างไม่ยั้งคิดขณะที่ขับรถเปิดประทุนบนเกาะสักแห่งใน ทวีปอเมริกา สถานที่ใกล้เคียงกับที่ที่ชายคนนี้จะจับตามองเป้าหมายของเขาบนตึกสูงใน สิงคโปร์คือห้องพักส่วนตัวในโรงแรมแห่งหนึ่ง ณ JCDong เราหมายถึงว่าขั้นตอนที่แจจุงเกือบแปลงสภาพกลายเป็นนักฆ่าอย่างน่าตื่นเต้น นี้มันหลากหลายเช่นที่กล่าวมานี้ เราจะรวบรวมเรื่องราวที่อาจจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกเท่ห์ในรายละเอียดของ วันนี้เพื่อย้อนกลับไปถึงวันหนึ่งในเดือนมกราคมที่มีลมหนาวพัดปลิวด้วย อุณหภูมิติดลบ 10 องศา
“คุณน้าของผมเหรอครับ? เธออายุเท่ากับพี่สาวคนที่สี่ของผมเลยนะ”
“แต่เธอก็ยังอายุน้อยกว่าพี่สาวคนโตของผม”
ในสตูดิโอวันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสภาพทีมงานหลักผู้ซึ่งอยู่ในวัยเดียว กับคุณน้าของเขาและกำลังทุกข์ทนกับ “ความผิดปกติทางอารมณ์อันเกิดจากการไร้ความรู้สึกต่อความดังของเหล่าไอดอล” ผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นทหารกร้านโลกได้กลับกลายเป็น “นูน่า” อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และด้วยเหตุผลอะไรไม่อาจทราบได้ทำให้แต่ละคนคอยเฝ้ามองไปที่แผ่นหลังของเขา คนที่ทำให้สถานที่แห่งนี้เกิดบรรยากาศเหมือนการกลับมารวมตัวกันของเพื่อน เก่าก็เพราะแจจุงนั่นเอง คนที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นคนเคร่งขรึม แต่กลับมีอารมณ์ขันอย่างน่าประหลาด และยังเป็นเพราะเวลามีฉากถ่ายเสีย (NG) ส่วนใหญ่นั้นมันจะเต็มไปด้วยเรื่องตลกโปกฮากัดกันเจ็บๆ
“แฟนๆเกาหลีเวลาเจอหน้าผมจะเรียกผมว่า “หัวหน้า, หัวหน้า” เหมือนกับที่ใช้ในซุปมิโซะหมักครับ”
(T/N คำว่าซุปมิโซะหมักในภาษาเกาหลีเรียกว่า “Cheong Gook Zhang และ Gook Zhang ก็แปลว่า “หัวหน้า (ในบริษัท)” ในภาษาเกาหลี)
“ถ้า พวกเขาไม่ได้ชอบผมจริงๆ พวกเขาจะรู้ถึงตัวตนจริงๆที่ผมปิดไว้ได้อย่างไร มันเป็นเรื่องที่รู้กันแค่ในกลุ่มแฟนๆเท่านั้นครับ เพราะนอกจากพวกเขาแล้ว คนอื่นมักจะมีอคติกับผม บางทีก็มีความเข้าใจผิดกันจากคำพูดหรือความรู้สึกเย็นชาที่เกิดจากหน้าตาของ ผม”
บางทีสิ่งหนึ่งที่ผู้คนไม่สามารถปฏิเสธคนที่มอบใจของเขาให้มานั้นก็คือ ความจริงใจ ดังนั้นเมื่อใจที่เต็มไปด้วยความจริงใจได้มาเจอกันนั้นไม่มีปริมาณที่กำหนด ตายตัว ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่สามารถอยู่ในรูปแบบใดๆ ก็ได้ แจจุงผู้ซึ่งมีความเคยชินกับความผูกพันกับแฟนๆ ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เขาเป็นตัวการต้นเหตุของรถตู้ที่คอยตามนับคันไม่ถ้วนและก่อให้เกิดการจราจร ติดขัดเมื่อใดก็ตามที่เขาไปเยี่ยมเยือนประเทศในเอเชีย (เราบอกเขาถึงเรื่องนี้ที่รู้กันทุกคนยกเว้นเจ้าตัวเขาเองเพื่อจะยืนยันอีก ครั้ง) “อ่า มันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่บ้างครับ นิดหน่อย! ฮ่าฮ่า มันทำให้มือคุณบิดไปบิดมา (ด้วยความอาย) ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นนะครับ ผมโดนแซวจากสมาชิกบ่อยๆ แต่ถึงกระนั้นความรักที่ได้รับจากประเทศของตัวเองก็ยังเยี่ยมยอดที่สุดครับ แฟนๆในเอเชียไม่รับรวมถึงที่เกาหลีอาจจะจำได้ถึงแต่เรื่องดีๆเพื่อผม สิ่งดีๆ จากสิ่งที่พวกเขาประทับใจผมผ่านทางรูป เพลง และการแสดงบนเวที ส่วนตัวผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้ใจของเราได้พบกัน”
เริ่มแรกที่เขาทำงานในต่างประเทศนั้น เขาไม่ค่อยมีความมั่นใจมากนัก คำสารภาพถึง กำแพงด้านภาษา ถึงเรื่องที่ทำให้รู้สึกสิ้นหวังจนเป็นเรื่องยากที่แม้แต่จะโบกมือที่สนาม บิน และแม้กระทั่งต้องหลบอยู่หลังสมาชิกคนอื่นๆในวง แต่เขากล่าวว่าเพราะว่าเขาจะต้องคอยอยู่ตรงกลางโดยไม่มีข้อแม้ เหมือนกับชื่อของเขา
(T/N ชื่อของแจจุงภาษาจีนเขียนได้ว่าเป็น Zai Zhong ซึ่งแปลว่าอยู่ตรงกลาง”)
เมื่อ เขาต้องขึ้นแสดง เขาสามารถเข้าไปถึงหัวใจของปัญหา “การสื่อสาร” ได้ นี่คือบทพิสูจน์ – เขาถึงขั้นเปิดตัวบทบาทนักแสดงเมื่อปีที่แล้วผ่านทางละครญ๊่ปุ่น (Hard to Say I Love You (Sunao Ni Narenakute))
“ผมได้ยินมาว่าบทของผมนั้นเกินความคาด หมาย พวกเขาไม่รู้ว่าผมจะเล่นบทที่ซุ่มซ่าม เพราะภาพลักษณ์ของผมบนเวทีมักจะเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมใช้เวลาคิดนานและมันก็ยากที่จะตัดสินใจว่ามันน่าจะเป็นเรื่องดีที่ได้เล่น บทชายหนุ่มผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ซึ่งต่างกับกับภาพลักษณ์ของผมในตอนนั้น สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยคือจริงๆแล้วภาษาญี่ปุ่นของผมดีกว่าใน ละครนะครับแต่ผมต้องทำให้มันดูแย่กว่าที่พูดได้จริง” บทสรุปของละครเรื่องนั้นคือเขากลายเป็นลูกชายของเจ้าของกิจการใหญ่ แจจุงเองนั้นก็คิดว่ามันเหลือเชื่อไปหน่อย แต่เพราะว่าบทที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของนักเขียนบทชื่อดังชาวญี่ปุ่น คุณเอริโกะ คิตากาว่า ทำให้เขาได้ถ่ายทำละครเรื่องนี้ด้วยความสนุกในหัวใจ การแสดงครั้งแรกของเขาในบรรยากาศที่เหมือนกับว่าเป็นการเริ่มนับตั้งแต่ ศูนย์ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายมากกว่าที่จะเป็นอีกแบบ และจากนั้นเองที่ทำให้เขามีความมั่นใจเพิ่มขึ้น แต่คิดว่าครั้งที่สองคงจะยากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นก่อนที่จะมีโอกาสได้พบเขาบนจออีกครั้ง ตอนนี้วันของเขาเต็มไปด้วยเรื่องฝึกซ้อมการแสดง ชั้นเรียนภาษาอังกฤษและกอล์ฟ และงานอดิเรกอื่นๆและประสบการณ์รวมไปถึงเรื่องอื่นๆที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อเขา
เพียงแค่หนึ่งวันก่อนการถ่ายทำจริงที่รายละเอียดเกี่ยวกับฉากต่างๆและ คอนเซปต์ต่างๆถูกปล่อยออกมา รวมไปถึงขั้นตอนการเตรียมงานสำหรับ “หนังเงียบ” ซึ่งโปรเจคสำหรับนิตยสาร “Elle” เกาหลีและ Fashion Elle EtTV ในระหว่างความรู้สึกถึงแรงกดดันที่จะต้องถ่ายภาพนิ่งและถ่ายทำหนังไปพร้อมๆ กัน และความเกร็งจากการถ่ายแบบหลังจากไม่ได้ทำมาสักพักใหญ่ การที่แจจุงสามารถเข้าถึงบทบาทได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะความพยายามที่เขาทุ่มเทอยู่เบื้องหลังนั่นเอง ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับสไตลิสต์ที่ว่า “จงเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อผิวเนียนเหมือนเต้าหู้” แต่แจจุงสามารถผ่อนคลายและสนุกไปกับงานไม่ว่าสภาพร่างกายจะเป็นอย่างไรก็ตาม เราคาดว่ามันเป็นผลมาจากประสบการณ์ของเขา 8 ปีหลังเดบิวต์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
“ผมรู้สึกว่าผมไม่เป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย ในตอนที่ผมเพิ่งเข้าสู่วงการ ผมคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปผมจึงสามารถพูดถึงสิ่งเหล่านี้ได้ ตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่นั้น บางทีผมก็ทำอะไรบ้าบิ่นเพราะอยากจะให้คนมองว่าผมเข้มแข็งและเท่ห์ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมควรจะปล่อยตัวตามสบายมากขึ้น ถึงแม้ว่าในชีวิตปกติ ผมจะจัดอยู่ในพวกที่สดใสและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะก็ตาม” ดาราแห่งเอเชียอายุ 26 ปี ผู้กล่าวว่าสิ่งที่ต้องโกหกนั้นมลายไปเมื่อได้อยู่กับเพื่อนและได้เรียนรู้ ตัวเอง ราวกับเขาจะบอกว่าได้ก้าวกระโดดผ่านมา 10 ขั้นแทนที่จะเป็นการก้าวไปปีละขั้นต่อไปเหมือนในอดีต ถ้าหากคุณถามว่าอยู่ดีๆเขาก็กลายเป็น “เด็กหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่” ไปแล้วหรือ มันไม่ใช่อย่างนั้น “ผมรู้สึกขอโทษด้วยจริงๆที่ต้องมาให้เห็นสภาพร่างกายผมตอนที่ผมขี้เกียจแล้ว”
(T/N แจจุงหมายความว่าหุ่นเขาไม่ฟิตเท่าไหร่)
“แต่ ผมไม่เสียดายนะครับเพราะว่าผมได้แสดงให้พวกคุณเห็นรูปร่างของผมเวลาฟิตๆไป แล้ว ตอนที่ผมออกกำลังกายมากๆ แต่นี่เป็นเวลาแห่งการสำนึกผิดครับ ผมควรจะตั้งใจออกกำลังกายมากกว่านี้” นี่ดูเหมือนจะเป็นการสำนึกผิดแบบขำๆ พูดจริงปนตลกในการสัมภาษณ์หลังจากถ่ายทำฉากให้ห้องอาบน้ำที่เขาจะต้องเปลือยท่อนบน
ทำไมเราถึงรู้สึกโล่งใจกับเรื่องนี้ได้นะ?
ตอนเริ่มต้นการสัมภาษณ์เขาบอกว่ามันเป็นการจับคู่ทางความคิดที่ดี ระหว่างเรื่องราวที่เกี่ยวกับกิจกรรมของ JYJ และการถ่ายทำหนังที่มีคอนเซปต์ว่า “ไร้คำพูดแต่บอกเล่าเรื่องราว” ซึ่งทำให้เขาคาดว่าจะได้ผลงานที่ดีออกมา มันเหมือนกับว่าแรงกดดันที่เชื่อมโยงกันในตอนนี้มลายไปเพราะความเห็นที่ไม่ สามารถซ่อนบุคลิกอันมีชีวิตชีวาของเขา มันคงกลายเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องยืนท่ามกลางคำซุบซิบจาก “ทางเลือกที่ได้ตกลงใจแล้ว” ยิ่งไปกว่านั้น ความตื่นเต้นที่ยังคงดำเนินต่อไปและแรงกดดันจากการความกังวลที่จะต้องแสดงใน ฉากต่อๆไปก็กลายเป็นความเครียด แต่การตัดสินใจทั้งหมดยังคงอยู่ในจุดสมดุลระหว่างด้านดีและร้าย ช่วงเวลาที่เป็นประสบการณ์ก้าวข้ามไปอีกขั้น เนื่องจากมันทำให้แต่ละคนได้หันกลับไปมองถึงความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกมา ก่อน หรือสิ่งที่เป็นที่รักในใจตัวเอง เขาผู้ได้จารึกบนอกด้านซ้ายของเขา ด้านที่หัวใจเต้นอยู่ ด้วยรอยสัก “Always keep the faith” กำลังเตรียมงานใหม่ด้วยศรัทธาของการเป็นนักร้องที่ขึ้นแสดงบนเวที
“การเตรียมงาน JYJ World Tour กำหนดการที่แน่นอนยังไม่ออกมาครับแต่พวกเราเตรียมตัวที่จะไปอยู่ที่อเมริกาสัก 2-3 สัปดาห์” คอนเสิร์ต “JYJ World Tour” นั้นเป็นเวอร์ชั่นที่ต่อยอดมาจากคอนเสิร์ตซึ่งจัดขึ้นในโซล ทัวร์นี้เป็นงานที่ร่วมวางแผนโดย Jeri Slaughter ผู้อำนวยการสร้างของคอนเสิร์ตที่โซล และจะกำกับเวทีโดยแจจุง นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายและเป็นบททดสอบสำหรับแจจุง เขาบอกว่าเขาเคยคิดว่า “ผมอยากทำมัน ผมทำได้” หลังจากเห็นวงญี่ปุ่นที่ได้ทำงานร่วมกันอย่าง TRF มีส่วนร่วมในการกำกับการแสดงบนเวที
(T/N น่าจะหมายถึงแซมซังที่เป็นผู้กำกับเวทีและการแสดงของ Tohoshinki 3rd & 4th Japan Tour รวมไปถึง JYJ Thanksgiving Concert in Dome แซมซังเป็นหัวหน้าวง TRF ค่ะ)
“บทบาท หน้าที่ของผู้กำกับเวทีนั้นจะต้องรับผิดชอบความต่อเนื่องของแต่ละการแสดง ตั้งแต่ต้นจนจบ ทีมงานทั้งหมดต่างก็มีส่วนร่วมในความพยายามดังกล่าวครับแต่ผมเตรียมวางแผน ไว้ว่าจะทำด้วยความคิดที่ว่า ‘ทำงานของ 100 คนได้ด้วยตัวคนเดียว’ ด้วยการควบคุมเสียงและก็แต่งเพลงรวมไปถึงการเรียบเรียงดนตรีระหว่างการแสดง แต่ละตอน ผมหวังว่าทุกคนจะคอยชมกันนะครับ”
บทสัมภาษณ์: ELLE Korea
รูป: DC Gallery
แชร์รูป: sharingyoochun.net
แปลบทสัมภาษณ์เกาหลี-อังกฤษ: Inklett from DNBN
แปลอังกฤษ-ไทย: 3rebelangels.wordpress
Credit:
http://3rebelangels.wordpress.com/2011/02/21/trans-pics-interview-jj-elle-korea/
Newer Posts
Older Posts
Home
Subscribe to:
Posts (Atom)