[Star Interview] JYJ Kim Jaejoong, “Loneliness— Overcoming it with Music.”
(จากคำบอกเล่าของคอลัมนิสต์คนหนึ่ง จาก นสพ. Hankook Ilbo)
คิมแจจุง สมาชิกหนึ่งในสามแห่งวง JYJ ขณะที่ผมได้พบกับเขาก่อนที่จะถึงเวลาสัมภาษณ์นั้นเขามาพร้อมกับสีหน้าที่สด ชื่นแจ่มใส และน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเขาบอกผมว่า…เขาดื่มเบียร์ไปหลาย แก้ว…ขณะที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือเล่มหนึ่งก่อนหน้านี้ เขายังบอกต่อไปว่า…นี้จะเป็นการสัมภาษณ์ที่ซ้ำซ้อนกับที่เพิ่งเสร็จไป
สถานที่ที่ แจจุง ให้สัมภาษณ์หนังสืออีกเล่มหนึ่งนั้น เป็น คาเฟ่ ในย่าน Shinmuro (กรุงโซล) หลังจากนั้น พวกเราได้ย้ายสถานที่ไปยัง pub แห่งหนึ่งในย่าน Samsungdong ซึ่งเป็นย่านที่เขาเคยอาศัยอยู่มาก่อน ขณะที่เราเดินทางไปด้วยกันในรถนั้น เขาเริ่มต้นพูดคุยกับผมเกี่ยวกับความสนใจส่วนตัวของเขาเพื่อช่วยให้บรรยากาศ ดูเป็นกันเองขึ้น และไม่ทำให้เราเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอีกต่อไป ความจริงแล้วสิ่งที่เขาพูดคุยนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเข้าใจผิดต่างๆ และเรื่องราวความเป็นจริงเกี่ยวกับแผ่นดินไหวและรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ในญี่ปุ่น เขาทำให้ผมครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับเขาว่าผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่ สนใจผู้อื่นและสิ่งรอบข้างเสมอ ผมถามเขาว่า “คุณคงอ่านหนังสือพิมพ์หรือหนังสือต่างๆ เยอะแยะสินะ” เขาตอบกลับมาว่า “ผมเรียนรู้จากผู้คนมากกว่าหนังสือ”
เมื่อเราเดินทางไปถึงผับเขาหยิบโทรศัพท์ หลายเครื่องมาวางบนโต๊ะอลูมิเนียมนั่น โทรศัพท์ 6 เครื่องนั้น ยังคงมีบางเครื่องเป็นโทรศัพท์ที่เขาเคยใช้เมื่ออยู่ในญี่ปุ่น และจริงๆแล้ว เขาไม่ได้แยกประเภทของโทรศัพท์ ว่านี่คือเพื่องาน หรือ ครอบครัว (คือ ใช้ปนๆกันนั่นเอง ^^) เขาบอกว่า ได้ลบเบอร์ติดต่อบางเบอร์ออกไปบ้างแล้ว และเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขามีเบอร์ติดต่อมากกว่า 1,000 หมายเลขเลยทีเดียว
“บางครั้งการที่เราเข้มแข็งขึ้นและอยู่ได้ ด้วยตัวเองก็จะมีคนที่เรารู้จักบางคนหายไปจากชีวิต และที่ผมหยุดติดต่อกับพวกเขานั้นเป็นเพราะว่าผมรู้สึกเศร้าที่พวกเค้าเดิน ออกจากชีวิตผม ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผู้คนรอบกายตัวผมนั้นเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ว่า อย่างไรก็ตาม ผมยังมีเพื่อนร่วมวง และบรรดาแฟนๆ ที่อยู่เคียงข้าง
คิมแจจุง ..จากคำพูดของเขานั้นบ่งบอกว่าเขาเป็นคนที่ซับซ้อนอยู่เหมือนกัน การที่เขาเขียน Twitter Profile ว่า “JYJ from TVXQ” และวันที่ผมพูดคุยกับเขานั้น เขาทวิตว่า “JYJ” มันเป็นข้อสงสัยของผมว่านี่เป็นการสื่อถึง อดีต และ ปัจจุบัน ความฝัน และ ความจริงที่ทำให้เขารู้สึกสับสนภายในจิตใจหรือไม่นะ
แจจุง เผยว่า “ทงบังชินกิ คือจุดเริ่มต้นของผมเป็นเรื่องที่ชัดเจนและไม่ทางเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรมากไปกว่านั้น (T/N: ที่เปลี่ยนโปรไฟล์ในทวิตเตอร์เป็น “JYJ from TVXQ”) แล้ว ที่ทวิตว่า “JYJ.” เป็นเพราะว่า ขณะที่ผมตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้า ผมรู้สึกในทันทีทันใดว่า ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณทั้งหมดของผมคือ JYJ” แล้วจุดฟูลสต๊อปนั้นล่ะ? “ อืม..ส่วนจุดตรงนั้น ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรครับ..ฮ่าฮ่า”
เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ Media ทั้งหลายแหล่มาก่อนหน้า แจจุงมักจะเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาเคยออกเดทกับสาวๆ มาแล้ว 4 คน อย่างไม่ปิดบัง หรือแม้แต่ การเปิดเผยถึง เรื่องราวซับซ้อนเกี่ยวกับครอบครัว และเรื่องอื่นๆ แต่เขากลับบอกว่า เรื่องที่เขาอยากจะพูดถึงมากที่สุดคือเรื่องเกี่ยวกับ “ดนตรี”
“ผมได้เรียนรู้อย่างมากมายจากการรับ หน้าที่กำกับดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับเวทีคอนเสิร์ทของเราที่ประเทศไทย เพราะผมเป็น “Executive Director” ผมมีเรื่องที่ต้องกังวลใจมากมาย(ว่างานจะดำเนินไปด้วยดีหรือไม่) หากคอนเสิร์ทเป็นไปด้วยดีนั้น ต้องขอขอบคุณทีมงาน แต่หากคอนเสิร์ทดำเนินไปอย่างผิดพลาด ผมยอมรับว่าทุกอย่างมันคือความผิดของผมเองนะครับ ผมมีความกังวลเหล่านั้น เป็นเพราะผมได้ตัดสินใจแล้วว่าผมต้องการที่จะรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างผมเลย เดินทางไปที่ที่จัดงานก่อนที่จะมีการจัดคอนเสิร์ทขึ้น และตรวจสอบทุกรายละเอียดตั้งแต่ตำแหน่งที่ตั้งและผังของเวที เส้นทางสัญจรบนเวทีสำหรับการแสดง มันเป็นโชคของพวกเราที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี และความจริงแล้ว ผมต้องขอบคุณ จุนซู และ ยูชอน เป็นอย่างมากเลยครับ ฮ่าฮ่า”
ณ คอนเสิร์ทฮอลล์ ที่ Impact Arena กรุงเทพ ในวันที่ 2 และ 3 เมษายน ที่ผ่านมานั้น JYJ ได้พบกับบรรดาแฟนของพวกเขาถึงราวๆ 22,000 คน ใน World Tour Concert 2011 ที่คิมแจจุง และทีมงานสรรสร้างทุกอย่างตั้งแต่ แสงสี เส้นทางสัญจรบนเวที เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และทุกสิ่งบนคอนเสิร์ท เขาตรวจสอบทุกอย่างด้วยตนเอง แม้แต่การวิ่งไปมาใต้เวทีเพื่อจะทดสอบเวลาและระยะทางที่พอเหมาะพอดีกับการ เคลื่อนไหวแต่สัญจรในการแสดง
“เป็นเพราะผมเป็นนักร้องที่เคยแต่ร้องเพลง ผมเปิดความคิดอยู่บ่อยๆ ว่ามันจะเป็นอย่างไรนะ ถ้าผมต้องทำงานเหล่านั้น และหากผมได้เป็นผู้กำกับเวทีบ่อยขึ้นในอนาคต ผมจะสามารถสร้างสรรค์เวทีคอนเสิร์ทที่สมบูรณ์แบบได้มั้ยนะ”
JYJ จะเปิดการแสดง World Tour นี้ในเมืองต่างๆ ทั่วเอเชียและทวีปอเมริกาเหนือ และจะกลับมาสิ้นสุดการทัวร์อย่างอลังการที่เกาหลี ในวันที่ 11 และ 12
มิถุนายน 2554 คิมแจจุง จะดำรงตำแหน่งในฐานะผู้กำกับคนใหม่ที่มีมุ่งมั่นและมั่นใจว่าเขาจะสามารถทำ หน้าที่นี้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และเขาจะทำให้การทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกครั้งนี้ จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ และสิ่งที่ทำให้รู้สึกยินดีอย่างประหลาดจากการเปิดเผยของแจจุง คือ เพลงต่างๆที่ JYJ แต่งขึ้นมาและแสดงบนคอนเสิร์ตนั้นคือเรื่องราวที่พวกเขาประพันธ์ขึ้นมาเพื่อ มอบให้เป็นของขวัญแก่แฟนๆ ของเขา
“ผมคิดว่าแฟนๆ ของเราอาจจะรู้สึกว่าทุกวันนี้รูปแบบดนตรีของพวกเราเปลี่ยไปจากเดิม ในอดีต พวกเราไม่เคยมีบทเพลงอย่าง Fallen Leaves จริงๆ แล้วพวกเราเคยคิดว่าพวกเราควรจะมีเพลงที่ไม่มีจังหวะเร้าใจกันบ้างดีไหม และพวกเราพยายามมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลง ผมเลยคิดถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำเพลงที่เน้นเสียงประสาน และผมตระหนักเสมอว่าการสร้างสรรรค์บทเพลงนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดและ ทฤษฎีเป็นเรื่องจำเป็นมากเช่นกัน”
ผมรู้สึกได้ว่าเวลาผ่านไปพอสมควร จากที่เห็น แก้วโซจู นั้นว่างเปล่า ผมรู้ว่า ความหมายต่างๆในคำพูดของเขา คือสิ่งที่ออกมาจากใจไม่ใช่เรื่องพูดเล่น สิ่งที่แจจุงพูดคุยกับผมเกี่ยวกับสังกัดเก่าของเขานั้นมาจากใจจริงๆ ทั้งเรื่อง เพื่อนร่วมงานและรุ่นน้อง ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป และกำแพงนั้นได้ก่อตัวสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และเขาเองรู้สึกเจ็บปวด และเหนือสิ่งอื่นใด เขากล่าวซ้ำไปซ้ำมาว่าเขามีความปรารถนาที่จะทำกิจกรรมหลายๆ อย่างอย่างที่เพื่อนร่วมวงคนอื่นได้มีโอกาสทำบ้าง
เขามีความหวังด้วยหัวใจที่พองฟูว่าสักวัน เรื่องราวความขัดแย้งของพวกเขาและต้นสังกัดจะจบสิ้นลง เขาจะสามารถกลับมาพบกับแฟนของพวกเราผ่านจอทีวีอีกครั้ง…นี่คือความรู้สึกที่ แท้จริงของเขา ภาพของแจจุงกับน้ำตาที่เอ่อล้น ในงาน Fan Meeting วนเวียนอยู่ในหัวของผม ผมเลยถามว่า เขารู้สึกเหงาบ้างมั้ย และแจจุงกลับหัวเราะและตอบกลับมาว่า
“จริงๆ แล้ว สิ่งที่ผมกังวลใจอยู่ตลอดเวลาก็คือ ผมจะได้พบแฟนๆ ของพบที่ไหนและเมื่อไหร่ แต่ผมเชื่อว่าในที่สุด ทุกๆ อย่างจะต้องไม่มีปัญหา ผมวางแผนแล้วว่าผมจะร้องเพลงไปตลอดชีวิต และไม่มีวันจะเหน็ดเหนื่อยกันมัน ฮ่าฮ่า”
Source: Hankook Ilbo
Translation Credit: JYJ3
แปลไทย: 3rebelangels.wordpress