ที่ มาของพฤติกรรมของ AVEX ที่มีต่อ JYJ (แจจุง ยูชอน จุนซู) เมื่อหลายเดือนก่อนอาจจะถูกเปิดเผยออกมาได้จากคำแถลงการณ์ของบริษัทเอง AVEX (ฝ่ายญี่ปุ่น) ได้ผูกสัมพันธ์กับ SM (Korea) ขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งความสัมพันธ์นี้ดูจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับการสนับสนุน JYJ คนที่จับตาดูเหตุการณ์นี้หลายคนรู้สึกว่า AVEX ได้ทำการตัดสินใจทางธุรกิจที่คำนวณมาแล้วที่จะกีดกันการเติบโตของ JYJ ในญี่ปุ่น แลกกับการเป็นตัวแทนให้ศิลปินอื่นๆ ของค่าย SM
คำขาดของ SM ที่ยื่นต่อ AVEX น่าจะถ้าไม่ทำให้สามหนุ่มยอมแพ้ไปซะก็คงเลิกติดต่อกับ SM ไปเลย สิ่งที่ AVEX จะต้องสูญเสียอย่างได้ชัดถ้ายังคงสนับสนุน JYJ ต่อไป ก็คือ AVEX จะต้องสูญเสียโอกาสที่จะได้เป็นตัวแทนให้ศิลปินอื่นๆ ของค่าย SM
ตามคำแปลของแถลงการณ์ของ AVEX ในญี่ปุ่นนั้นบอกว่า “จะมีการทำสัญญาผูกมัด (exclusive contracts) ของวง Super Junior และ f(x)” ไปพร้อมๆ กับการเป็นต้นสังกัดของ BoA และ J-Min ต่อไป โดยที่”โทโฮชินกิ”ก็รวมอยู่ในรายชื่อศิลปินที่ AVEX เป็นผู้ดูแลด้วย แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่โทโฮชินกิที่เราคุ้นเคย เป็นที่ชัดเจนว่านั่นคือ”โทโฮชินกิ”ใหม่ที่มีสมาชิกแค่สองคน คือ ยุนโฮ และชางมิน เผื่อว่าคุณจะยังไม่เข้าใจ ศิลปินทุกกลุ่มที่กล่าวมานี้คือศิลปินที่ถูกควบคุม..เอ่อ..เป็นเจ้าของ.. ไม่..เอ่อ เซ็นสัญญากับ SM ในเกาหลี
เมื่อ SM และ AVEX ได้ออกแถลงการณ์เช่นนี้ จึงก่อให้เกิดคำถามต่างๆ มากมายตามมา AVEX โดนกดดันให้โน้มน้าวสามหนุ่มให้กลับไปที่ SM หรือเปล่า? AVEX โดน SM กดดันให้ตัดความสัมพันธ์กับสามหนุ่มด้วยการที่ต้องเสี่ยงต่อการพลาดข้อตกลง กับ SM ที่จะทำกำไรงามอย่าง f(x) และ Super Junior หรือเปล่า? CJeS มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการตัดสินใจของ AVEX หรือเปล่า หรือพวกเขาแค่ถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อจะกลับไปหา SM?
หลังจากที่ JYJ ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องอันโหดร้ายของ SM โดยสิ้นเชิง การกล่าวโทษไปที่ CJeS (ปัจจุบันทำงานกับ JYJ) ดูจะเป็นแค่ข้ออ้าง ดูเหมือนพวกเขาจะใช้เรื่องวงศาคณาญาติคนรู้จักของ CJeS เป็นข้ออ้างในการกีดกัน JYJ ไม่ให้สามารถทำกิจกรรมในญี่ปุ่นได้ เมื่อ AVEX จัดการเรื่องนี้สำเร็จ SM ก็ไฟเขียวยกศิลปินอื่นๆ ให้ AVEX ทันที มันเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจที่ทำให้ภาพลักษณ์สวยงามดั่งดาวแจ่มจรัส(โอเค แนวๆ ดาวแจ่มจรัสนั่นแหละ)ของ AVEX เกิดข้อกังขาขึ้นทันที ช่างเป็นจุดเปลี่ยนที่….เช่นนี้
จากการที่ AVEX ยอมให้ JYJ มีอยู่และก้าวต่อไปในญี่ปุ่นนั้นได้เป็นการสร้างฐานกำลังสนับสนุนจำนวน มหาศาลจากแฟนๆ จำนวนหลายแสน (อาจจะเป็นล้าน) ทั่วเอเชียและประเทศอื่นๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง AVEX ได้ถูกมองว่าพวกเขาคือบริษัทตันสังกัดที่จริงใจ และต้องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่าง JYJ กับ แฟนๆ เท่านั้น (ในขณะเดียวกันก็กวาดกำไรไปมหาศาลเพราะสิ่งนี้)
แต่บางสิ่งได้เกิด ขึ้น มีบางอย่างได้เปลี่ยนไป JYJ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในญี่ปุ่น และชื่อเสียงของพวกเขาพุ่งพรวดขึ้น พวกเขาออกผลงาน และในบางครั้งก็แต่งเพลงที่ขึ้นอันดับหนึ่งในโอริก้อนชาร์ตประจำสัปดาห์ ซึ่งเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีวงเกาหลีวงไหนที่สามารถมีเพลงขึ้นอันดับหนึ่งใน ชาร์ตโอริก้อนได้มากเท่ากับโทโฮชินกิ
ความสำเร็จของพวกเขานั้นทำให้ มีชาวญี่ปุ่นที่ตระหนักถึงความสามารถทาง ดนตรีของพวกเขามากขึ้น เพียงลำพัง JYJ ก็สามารถทำให้โตเกียวโดมเต็มได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดเมื่อนึกถึงว่าครั้งล่าสุดที่พวกเขา สามารถขึ้นโตเกียวโดมได้นั่นพวกเขายังอยู่ด้วยกันห้าคน ความพยายามและการทำงานอย่างหนักของพวกเขาได้เป็นการเปิดประดูให้แก่ศิลปิน เกาหลีกลุ่มอื่นๆ (เข้าตลาดเพลงญี่ปุ่น) อีกด้วย
จากทั้งหมดสามารถ สรุปได้ว่า พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งๆ ที่ไม่มี SM คอยให้การสนับสนุน ถึงแม้จะมีคดีความกับ SM พวกเขากลับทะยานสูงขึ้นและเร็วขึ้นเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด เห็นได้ชัดว่านี่คือความน่าอับอายของ SM อย่างใหญ่หลวง บางทีช่วงนั้นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ SM เขวี้ยงค้อนใส่ AVEX ก็ได้ (ผู้แปลไทย – กดดัน ยื่นคำขาด หรือความหมายแนวๆ นี้)
ไม่ว่าจะทางไหน ความสัมพันธ์ระหว่าง JYJ กับ AVEX ได้พังทลายลงเพราะผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจเลือก SM… และพวกเขาในตอนนี้สามารถมีสิทธิในตัวศิลปินของ SM อีกมากมายหลายกลุ่ม เพียงเพราะตอนนี้พวกเขาตัดแข้งตัดขาของ JYJ ทิ้งไป (ผู้แปลไทย-cut someone off at the knees ตัดหนทาง เลิกให้การสนับสนุน)
แต่ความไม่ยอมแพ้และ ความมุ่งมั่นของชายหนุ่มสามคนนี้ดูไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเรื่องทั้งหมดนี้ไม่สามารถจะหยุดพวกเขาได้ JYJ ปล่อยอัลบั้มภาษาอังกฤษอัลบั้มแรกของพวกเขา และได้ทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ระดับโลกอย่าง Rodney Jerkins และ Kanye West ฉันบอกหรือยังนะว่าสมาชิกสองคนนั้นยังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็สามารถทำได้ท่ามกลางความกดดันมหาศาล
ในที่สุดคนหลายหมื่น คนในอเมริกาได้ได้มีโอกาสเห็นการแสดงของพวกเขา ในขณะที่พวกเขาต้องต่อสู้กับความเครียดและเหนื่อยล้า คนหลายพันคนมาเพื่อดูคอนเสิร์ตของพวกเค้าในเวลาเดียวกันคนอีกหลายพันที่ไม่ สามารถเข้าไปชมคอนเสิร์ตได้และรอคอยอยู่ด้านนอกเพื่อแสดงการสนับสนุนของพวก เค้า โชว์เคสทั้งสามครั้งที่อเมริกานั้นผู้คนต่างเริ่มมาเข้าแถวก่อนคอนเสิร์ต เริ่มจริงเป็นชั่วโมงๆ หรือบางคนเป็นวัน พวกเค้าเปลี่ยนปัญหาเรื่องไม่ได้วีซ่าทำงานให้กลายเป็นโอกาสทองที่จะนำเสนอ เพลงของพวกเขาให้กับคนที่อาจจะไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะมาดูพวกเขาแสดง ได้ และนั่นคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เลย
นอกเหนือไปจากนี้ การที่สมาชิกทั้งสามคนเข้าเล่นทวิตเตอร์นั้นกลายเป็นกระแสรุนแรงราวสายฟ้า ฟาด และตอนนี้คนหลายแสนคนต่างพากันติดตามทุกๆ ข้อความที่พวกเค้าทวีต เช่น รูปจุนซูกับแมวของเค้ารูปหนึ่ง สามารถทำให้คนหลายหมื่นคนเคลิบเคลิ้มหมดสติไปในทันที จริงๆนะ!
ทุก ครั้งที่ประตูกระแทกปิดใส่หน้าพวกเขา พวกเขาไม่เคยต้องหาทางปีนหนีออกทางหน้าต่าง พวกเขาต่อยกำแพงเป็นช่องใหญ่แล้วหาทางก้าวเดินไปต่อ นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยฉันไม่คิดว่า SM คาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นหรือต้องการให้มันเกิดขึ้น
ฉันคิดว่าผู้ บริหารหลายคนของ SM คงเคยคิดว่า ถึง ณ เวลานี้ ทั้งสามคนน่าจะอยู่ในช่วงจวนเจียนล่มสลาย พวกเขาควรจะอยู่ในช่วงอ้อนวอนขอกลับคืนสู่ SM ป่านนี้พวกเขาควรจะเรียนรู้บทเรียนของพวกเขาได้แล้ว… หรืออดอยาก… หรือถูกแฟนๆ เกลียดชังไปแล้ว
ทั้งสามคนได้ลิ้มรสของอิสรภาพที่พวกเขา ไม่เคยได้รู้จักมาก่อน และกำลังทดสอบพรสวรรค์ของพวกเขา ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา และความผิดพลาดคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้
หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า SM จะรู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดที่พวกเขาทำขึ้นทั้งหมดเกี่ยวกับ JYJ ตอนนี้ AVEX คงกำลังโดนแฟนๆ ต่อว่ามากกว่า เนื่องจากคำแถลงการณ์ของพวกเขาได้แสดงให้เห็นการกีดกัน/ทิ้ง JYJ เพื่อจะได้ซึ่งศิลปินคนอื่นของ SM มา เป็นไปได้ว่า “การตัดสินใจทางธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่” สำหรับพวกเขานั้น อาจจะกลายเป็นการกระทำที่ตัดสัมพันธ์สำหรับแฟนๆ มากมาย
Credits: written by dongbanger.com
แปลไทย: 3rebelangels.wordpress
คำขาดของ SM ที่ยื่นต่อ AVEX น่าจะถ้าไม่ทำให้สามหนุ่มยอมแพ้ไปซะก็คงเลิกติดต่อกับ SM ไปเลย สิ่งที่ AVEX จะต้องสูญเสียอย่างได้ชัดถ้ายังคงสนับสนุน JYJ ต่อไป ก็คือ AVEX จะต้องสูญเสียโอกาสที่จะได้เป็นตัวแทนให้ศิลปินอื่นๆ ของค่าย SM
ตามคำแปลของแถลงการณ์ของ AVEX ในญี่ปุ่นนั้นบอกว่า “จะมีการทำสัญญาผูกมัด (exclusive contracts) ของวง Super Junior และ f(x)” ไปพร้อมๆ กับการเป็นต้นสังกัดของ BoA และ J-Min ต่อไป โดยที่”โทโฮชินกิ”ก็รวมอยู่ในรายชื่อศิลปินที่ AVEX เป็นผู้ดูแลด้วย แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่โทโฮชินกิที่เราคุ้นเคย เป็นที่ชัดเจนว่านั่นคือ”โทโฮชินกิ”ใหม่ที่มีสมาชิกแค่สองคน คือ ยุนโฮ และชางมิน เผื่อว่าคุณจะยังไม่เข้าใจ ศิลปินทุกกลุ่มที่กล่าวมานี้คือศิลปินที่ถูกควบคุม..เอ่อ..เป็นเจ้าของ.. ไม่..เอ่อ เซ็นสัญญากับ SM ในเกาหลี
เมื่อ SM และ AVEX ได้ออกแถลงการณ์เช่นนี้ จึงก่อให้เกิดคำถามต่างๆ มากมายตามมา AVEX โดนกดดันให้โน้มน้าวสามหนุ่มให้กลับไปที่ SM หรือเปล่า? AVEX โดน SM กดดันให้ตัดความสัมพันธ์กับสามหนุ่มด้วยการที่ต้องเสี่ยงต่อการพลาดข้อตกลง กับ SM ที่จะทำกำไรงามอย่าง f(x) และ Super Junior หรือเปล่า? CJeS มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการตัดสินใจของ AVEX หรือเปล่า หรือพวกเขาแค่ถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อจะกลับไปหา SM?
หลังจากที่ JYJ ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องอันโหดร้ายของ SM โดยสิ้นเชิง การกล่าวโทษไปที่ CJeS (ปัจจุบันทำงานกับ JYJ) ดูจะเป็นแค่ข้ออ้าง ดูเหมือนพวกเขาจะใช้เรื่องวงศาคณาญาติคนรู้จักของ CJeS เป็นข้ออ้างในการกีดกัน JYJ ไม่ให้สามารถทำกิจกรรมในญี่ปุ่นได้ เมื่อ AVEX จัดการเรื่องนี้สำเร็จ SM ก็ไฟเขียวยกศิลปินอื่นๆ ให้ AVEX ทันที มันเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจที่ทำให้ภาพลักษณ์สวยงามดั่งดาวแจ่มจรัส(โอเค แนวๆ ดาวแจ่มจรัสนั่นแหละ)ของ AVEX เกิดข้อกังขาขึ้นทันที ช่างเป็นจุดเปลี่ยนที่….เช่นนี้
จากการที่ AVEX ยอมให้ JYJ มีอยู่และก้าวต่อไปในญี่ปุ่นนั้นได้เป็นการสร้างฐานกำลังสนับสนุนจำนวน มหาศาลจากแฟนๆ จำนวนหลายแสน (อาจจะเป็นล้าน) ทั่วเอเชียและประเทศอื่นๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง AVEX ได้ถูกมองว่าพวกเขาคือบริษัทตันสังกัดที่จริงใจ และต้องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่าง JYJ กับ แฟนๆ เท่านั้น (ในขณะเดียวกันก็กวาดกำไรไปมหาศาลเพราะสิ่งนี้)
แต่บางสิ่งได้เกิด ขึ้น มีบางอย่างได้เปลี่ยนไป JYJ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในญี่ปุ่น และชื่อเสียงของพวกเขาพุ่งพรวดขึ้น พวกเขาออกผลงาน และในบางครั้งก็แต่งเพลงที่ขึ้นอันดับหนึ่งในโอริก้อนชาร์ตประจำสัปดาห์ ซึ่งเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีวงเกาหลีวงไหนที่สามารถมีเพลงขึ้นอันดับหนึ่งใน ชาร์ตโอริก้อนได้มากเท่ากับโทโฮชินกิ
ความสำเร็จของพวกเขานั้นทำให้ มีชาวญี่ปุ่นที่ตระหนักถึงความสามารถทาง ดนตรีของพวกเขามากขึ้น เพียงลำพัง JYJ ก็สามารถทำให้โตเกียวโดมเต็มได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดเมื่อนึกถึงว่าครั้งล่าสุดที่พวกเขา สามารถขึ้นโตเกียวโดมได้นั่นพวกเขายังอยู่ด้วยกันห้าคน ความพยายามและการทำงานอย่างหนักของพวกเขาได้เป็นการเปิดประดูให้แก่ศิลปิน เกาหลีกลุ่มอื่นๆ (เข้าตลาดเพลงญี่ปุ่น) อีกด้วย
จากทั้งหมดสามารถ สรุปได้ว่า พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งๆ ที่ไม่มี SM คอยให้การสนับสนุน ถึงแม้จะมีคดีความกับ SM พวกเขากลับทะยานสูงขึ้นและเร็วขึ้นเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด เห็นได้ชัดว่านี่คือความน่าอับอายของ SM อย่างใหญ่หลวง บางทีช่วงนั้นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ SM เขวี้ยงค้อนใส่ AVEX ก็ได้ (ผู้แปลไทย – กดดัน ยื่นคำขาด หรือความหมายแนวๆ นี้)
ไม่ว่าจะทางไหน ความสัมพันธ์ระหว่าง JYJ กับ AVEX ได้พังทลายลงเพราะผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจเลือก SM… และพวกเขาในตอนนี้สามารถมีสิทธิในตัวศิลปินของ SM อีกมากมายหลายกลุ่ม เพียงเพราะตอนนี้พวกเขาตัดแข้งตัดขาของ JYJ ทิ้งไป (ผู้แปลไทย-cut someone off at the knees ตัดหนทาง เลิกให้การสนับสนุน)
แต่ความไม่ยอมแพ้และ ความมุ่งมั่นของชายหนุ่มสามคนนี้ดูไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเรื่องทั้งหมดนี้ไม่สามารถจะหยุดพวกเขาได้ JYJ ปล่อยอัลบั้มภาษาอังกฤษอัลบั้มแรกของพวกเขา และได้ทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ระดับโลกอย่าง Rodney Jerkins และ Kanye West ฉันบอกหรือยังนะว่าสมาชิกสองคนนั้นยังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็สามารถทำได้ท่ามกลางความกดดันมหาศาล
ในที่สุดคนหลายหมื่น คนในอเมริกาได้ได้มีโอกาสเห็นการแสดงของพวกเขา ในขณะที่พวกเขาต้องต่อสู้กับความเครียดและเหนื่อยล้า คนหลายพันคนมาเพื่อดูคอนเสิร์ตของพวกเค้าในเวลาเดียวกันคนอีกหลายพันที่ไม่ สามารถเข้าไปชมคอนเสิร์ตได้และรอคอยอยู่ด้านนอกเพื่อแสดงการสนับสนุนของพวก เค้า โชว์เคสทั้งสามครั้งที่อเมริกานั้นผู้คนต่างเริ่มมาเข้าแถวก่อนคอนเสิร์ต เริ่มจริงเป็นชั่วโมงๆ หรือบางคนเป็นวัน พวกเค้าเปลี่ยนปัญหาเรื่องไม่ได้วีซ่าทำงานให้กลายเป็นโอกาสทองที่จะนำเสนอ เพลงของพวกเขาให้กับคนที่อาจจะไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะมาดูพวกเขาแสดง ได้ และนั่นคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เลย
นอกเหนือไปจากนี้ การที่สมาชิกทั้งสามคนเข้าเล่นทวิตเตอร์นั้นกลายเป็นกระแสรุนแรงราวสายฟ้า ฟาด และตอนนี้คนหลายแสนคนต่างพากันติดตามทุกๆ ข้อความที่พวกเค้าทวีต เช่น รูปจุนซูกับแมวของเค้ารูปหนึ่ง สามารถทำให้คนหลายหมื่นคนเคลิบเคลิ้มหมดสติไปในทันที จริงๆนะ!
ทุก ครั้งที่ประตูกระแทกปิดใส่หน้าพวกเขา พวกเขาไม่เคยต้องหาทางปีนหนีออกทางหน้าต่าง พวกเขาต่อยกำแพงเป็นช่องใหญ่แล้วหาทางก้าวเดินไปต่อ นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยฉันไม่คิดว่า SM คาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นหรือต้องการให้มันเกิดขึ้น
ฉันคิดว่าผู้ บริหารหลายคนของ SM คงเคยคิดว่า ถึง ณ เวลานี้ ทั้งสามคนน่าจะอยู่ในช่วงจวนเจียนล่มสลาย พวกเขาควรจะอยู่ในช่วงอ้อนวอนขอกลับคืนสู่ SM ป่านนี้พวกเขาควรจะเรียนรู้บทเรียนของพวกเขาได้แล้ว… หรืออดอยาก… หรือถูกแฟนๆ เกลียดชังไปแล้ว
ทั้งสามคนได้ลิ้มรสของอิสรภาพที่พวกเขา ไม่เคยได้รู้จักมาก่อน และกำลังทดสอบพรสวรรค์ของพวกเขา ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา และความผิดพลาดคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้
หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า SM จะรู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดที่พวกเขาทำขึ้นทั้งหมดเกี่ยวกับ JYJ ตอนนี้ AVEX คงกำลังโดนแฟนๆ ต่อว่ามากกว่า เนื่องจากคำแถลงการณ์ของพวกเขาได้แสดงให้เห็นการกีดกัน/ทิ้ง JYJ เพื่อจะได้ซึ่งศิลปินคนอื่นของ SM มา เป็นไปได้ว่า “การตัดสินใจทางธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่” สำหรับพวกเขานั้น อาจจะกลายเป็นการกระทำที่ตัดสัมพันธ์สำหรับแฟนๆ มากมาย
Credits: written by dongbanger.com
แปลไทย: 3rebelangels.wordpress
No comments:
Post a Comment